Munu

JavaScript Statement (ชุดคำสั่ง)

หน้าแรก » ข่าวสาร » JavaScript Statement (ชุดคำสั่ง)

Statmment คือ ชุดคำสั่งที่เราสามารถสั่งงานให้โปรแกรมของเราทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น สั่งให้โปรแกรมตรวจสอบเงื่อนไขตามที่กำหนด หรืออื่น ๆ ซึ่งชุดคำสั่งเหล่านี้เราจะสามารถแบ่งตามระบบการทำงานได้ 2 ประเภท คือ
1. ชุดคำสั่งในการตัดสินใจ
2. ชุดคำสั่งในการวนรอบ
ในครั้งแรกนี้เรามาเริ่มเรียนรู้เรื่องของ ชุดคำสั่งในแบบแรกกันก่อน คือ ชุดคำสั่งในการตัดสินใจ


:: ชุดคำสั่งในการตัดสินใจ ::

ชุดคำสั่งลักษณะนี้จะเป็นคำสั่งที่โปรแกรมใช้ในการตัดสินใจว่าจะทำการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ เช่น ถ้า นาย A ใส่เสื้อสีแดง ให้ พิมพ์ข้อความออกมาว่า RED เป็นต้น ซึ่งชุดคำสั่งแบบนี้ใน javaScript จะมีอยู่ 4 ลักษณะ ดังนี้

1. คำสั่ง if

if (ตัวเล็กนะ) เป็นการกำหนดให้โปรแกรมทำงานเมื่อเงื่อนไขที่ระบุหลัง if เป็นจริง โดยมีรูปแบบของประโยค ดังนี้

รูปแบบ

if(เงื่อนไข){
เมื่อเงื่อนไขเป็นจริงจะทำงานใน Block นี้

}

ตัวอย่าง

<script language=”JavaScript”>
a=1;
if(a==1){
alert(“a มีค่าเท่ากับ 1”);

</script>

2. คำสั่ง if …else

if .. else เป็นการกำหนดเงื่อนไขเพิ่มขึ้นมาจาก if เดิมที่เราได้เรียนรู้ไป โดยมีความหมาย คือ ถ้าเงื่อนไขหลัง ifไม่เป็นความจริง โปรแกรมจะมาทำงานที่ else แทน มีรูปแบบของประโยคคำสั่ง ดังนี้

รูปแบบ

if(เงื่อนไข){
เมื่อเงื่อนไขเป็นจริงจะทำงานใน Block นี้

}else{
เมื่อคำสั่งหลัง if ไม่เป็นความจริง โปรแกรมจะมาทำตามคำสั่งใน Block นี้
}

ตัวอย่าง

<script language=”JavaScript”>
a=2;
if(a==1){
alert(“a มีค่าเท่ากับ 1”);
} else{
alert(“a มีค่าไม่เท่ากับ 1”);
}
</script>

3. คำสั่ง if … else if … else

if … else if … else เป็นการกำหนดเงื่อนไขที่ซ้อนขึ้นมาจาก if เดิมที่มีอยู่ โดยมีความหมาย คือ ถ้าเงื่อนไขหลังif ไม่เป็นความจริง โปรแกรมจะทำการตรวจสอบเงื่อไขที่อยู่หลัง else if ต่อไป ถ้าหากว่าเงื่อนไขไม่ตรงกับทั้ง if และ else if โปรแกรมจะเข้ามาทำงานใน Block ของ else ที่กำหนดไว้ มีรูปแบบของประโยคคำสั่ง ดังนี้

รูปแบบ

if(เงื่อนไข){
เมื่อเงื่อนไขเป็นจริงจะทำงานใน Block นี้

}else if(เงื่อนไข){
ถ้าเงื่อนไขหลัง else if เป็นความจริงจะทำงานใน Block นี้
}esle{
เมื่อคำสั่งหลัง if และ else if ไม่เป็นความจริง โปรแกรมจะมาทำตามคำสั่งใน Block นี้
}

ตัวอย่าง

<script language=”JavaScript”>
a=2;
if(a==1){
alert(“a มีค่าเท่ากับ 1”);
}else if(a==2){
alert(“a มีค่าเท่ากับ 2”);
}else{
alert(“a มีค่าไม่เท่ากับ 1”);
}
</script>

ps. เราสามารถซ้อนเงื่อนไขที่เป็น else if ได้หลาย ๆ คำสั่ง ตามจำนวนการตรวจสอบที่เราต้องการ

4. switch

switch เป็นคำสั่งที่คล้าย ๆ กับคำสั่ง if … else if … else ที่ผ่านมา กล่าวคือ ถ้าเงื่อนไขใดเป็นจริงที่เงื่อนไขใด ก็จะทำตามคำสั่งหลังเงื่อนไขนั้น มีรูปแบบของประโยคคำสั่ง ดังนี้

รูปแบบ

switch (สิ่งที่ต้องการเปรียเทียบ){
case สิ่งที่นำมาเปรียบเทียบ ทำงานเมื่อการเปรียบเทียบเป็นจริง
break;
default : เมื่อไม่มีเงื่อนไขใดเป็นจริงเลย ให้ทำตามคำสั่งนี้

}

ตัวอย่าง

<script language=”JavaScript”>
a=2;
switch (a){

case 1 : alert(“a มีค่าเท่ากับ 1”); break;
case 2: alert(“a มีค่าเท่ากับ 2”); break;
case 3: alert(“a มีค่าเท่ากับ 3”); break;
default : alert(“a มีค่ามากกว่า 3 หรือ น้อยกว่า 1”);

}
</script>

ทั้ง 4 ประโยคคำสั่งข้างต้น เราซึ่งจะเขียนโปรแกรม ควรจำประโยคคำสั่งทั้งหมดให้ได้…เนื่องจากว่า โปรแกรมต่าง ๆ ที่เราใช้งาน จะเกียวข้องกับเงื่อนไขการตัดสินใจเหล่านี้เป็นหลัก…

เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านเว็บไซต์

มาประยุกต์ในการพัฒนาการให้บริการอยู่ตลอดเวลา เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าทุกท่าน
ด้วยประสบการณ์ที่เรามีอยู่นั้น ทำให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าทุกท่านจะได้รับการบริการที่ดีจากเรา

Call

082-493-2295

E-mail

Konyubyub@Gmail.com

Location

บริษัท ดีไซน์นำโชค จำกัด
58/146 หมู่ที่ 6 หมู่บ้านซื่อตรง คลอง13 ตำบลบึงน้ำรักษ์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี 12110

2014 Powered by IYATHAI.com
Tel: 082-493-2295 E-mail: Konyubyub@gmail.com