MLM คืออะไร
การตลาดขายตรงหลายชั้น Multi-level Marketing หรือที่เรียกกันว่าการตลาดแบบเครือข่าย Network Marketing นั้นเป็นหลักการตลาดที่ให้ผู้คนจำนวนมากเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการกระจายสินค้าจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค โดยผู้ที่มีส่วนร่วมในกระบวนการต่างๆนั้นจะได้รับผลตอบแทนจากกิจกรรมที่ทำ เช่นแนะนำสินค้า การให้ผู้บริโภครายอื่นๆเข้ามาร่วมเป็นผู้จำหน่ายสินค้า โดยแบ่งเป็นผลตอบแทนจากการทำธุรกิจเป็นชั้นๆ ลดหลั่นกันไปตามเงื่อนไขของแต่ละแบบแผน ดังนั้นหน้าที่หลักในกระจายสินค้าจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภคตั้งแต่ การโฆษณาสินค้า หาตัวแทนจำหน่าย จัดจำหน่าย การขาย ขนส่งไปจนถึงผู้บริโภค จะมีผู้ร่วมธุรกิจเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นจำนวนมาก โดยทำหน้าที่ต่างๆกันไป ทำให้เกิดการขับเคลื่อนทางการตลาดที่มีศักยภาพสูงมากและมีความรวดเร็วในการกระจายสินค้าสูง และเป็นธุรกิจที่มีต้นทุนในการเริ่มต้นที่ต่ำอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ประวัติความเป็นมาและวิวัฒนาการของ MLM
การขายตรงนั้นสามารถย้อนกลับไปยาวนานพอๆกับประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ก่อนจะมีการใช้เงินมนุษย์เราแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกันโดยตรง อย่างไรก็ดีการขายในลักษณะขายตรงที่เป็นแม่แบบของการขายตรงยุคปัจจุบันนี้เริ่มมาประมาณปี 1740 โดยสองพี่น้อง Edward และ William Pattison ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้จากตะกั่ว ได้ทำการเร่ขายสินค้าไปตามบ้าน (ในลักษณะการขายตรง) โดยจะเดินทางในรถลากเล็กๆบรรทุกสินค้าไปขายให้กับผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งเรียกว่า Yankee Peddler
ในปี 1868 เกิดบริษัทขายตรงที่ขายสินค้าเครื่องเทศตามบ้านและสินค้าอาหาร ชื่อ Watkins Company
ปี 1855 บริษัท Southwestern Publishing Company ตั้งขึ้นเพื่อผลิตหนังสือและคัมภีร์ไบเบิล และในปี 1868 บริษัท ปรับปรุงบริษัทให้เป็นบริษัทขายตรง โดยให้นักศึกษาในมหาวิทยาลัยเข้ามาเป็นตัวแทนขาย
ปี1886 บริษัท Avon เริ่มต้นบริษัทแบบขายตรง โดย David McConnel เขาได้เริ่มด้วยการขายคัมภีร์ไบเบิลและแถมตัวอย่างน้ำหอมไปตามบ้าน น้ำหอมที่แถมนั้นปรากฏว่าเป็นที่นิยมอย่างมาก จนเขาได้ก่อตั้งบริษัท California Perfume Company ซึ่งภายหลังเปลี่ยนเป็นชื่อ Avon ในปี 1939 จนกลายเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ New York Stock Exchange และได้พัฒนาแผนการจ่ายผลตอบแทนให้เป็น MLM ให้ที่สุด
ระบบการขายตรงสมัยใหม่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเมื่อปี 1906 โดย Alfred Fuller ซึ่งอยู่ที่เมือง New Britain ในมลรัฐ Colorado ได้ก่อตั้งบริษัท Fuller Brush Company ซึ่งเริ่มทำการขายตรงแบบ Door-to-door ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มรูปแบบการขายตรงสมัยใหม่ ภายหลังบริษัทได้ปรับปรุงแผนการตลาดของตนให้เป็นแบบ MLM แต่ก็ไม่ประสบความสพเร็จมากนัก เพราะเหล่าสมาชิกต่างมีความเป็นนักขาย (Salespeople) มากกว่าเป็นนักขยายเครือข่าย (Recruiters)
อย่างไรก็ดีก่อนปี 1950 การขายตรงส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะ Party Plan คือการตลาดผลิตภัณฑ์โดยการจัดแสดงและเป็นเจ้าภาพในงานปาร์ตี้หรืองานทางสังคมต่างๆ โดยใช้งานสังคมต่างๆนั้นเป็นจุดแสดงและสาธิตสินค้า โดยให้ผู้ที่เข้าร่วมงานได้เห็นการสาธิตสินค้าและการทดลองสินค้าจริง แล้วก็รับรายการสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้าโดยตรง เพื่อจัดส่งสินค้าให้ต่อไป
ในปี 1950 เป็นยุคที่การตลาดแบบขายตรงหลายชั้นหรือการตลาดแบบเครือข่ายถือกำเนิดอย่างแท้จริง เป็นยุคที่บริษัทยักษ์ใหญ่ของวงการ MLM มากมายได้ถือกำเนิดขึ้น บริษัทเหล่านี้คือ Tupperware, Shaklee, Amway และ Mary Kay
ในปี 1945 Earl Tupper เป็นผู้บุกเบิกสินค้าที่ทำจากพลาสติกที่อ่อนตัว น้ำหนักเบา ไม่แตกหักง่าย และสามารถปิดผนึกได้อย่างมิดชิด เริ่มทำตลาดโดยการขายส่งปกติ แต่ไม่ประสบความสำเร็จนัก ในปี 1951 เขาได้เปลี่ยนมาใช้แผน Party Plan โดยการสาธิตสินค้าตามงานปาร์ตี้ และขายสินค้าแบบขายตรง และประสบความสำเร็จอย่างสูง
ในปี 1956 Dr. Forrest Shaklee ผู้เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านสารอาหาร ทำงานร่วมกับ Casimur Funk ผู้ที่ค้นพบวิตามิน ได้ก่อตั้งบริษัท Shaklee ซึ่งเป็นผู้แนะนำวิตามินเข้าไปสู่อเมริกา และได้ก่อตั้งระบบขายตรงหลายชั้นขึ้น บริษัท Shaklee เป็นยักษ์ใหญ่ของวงการวิตามินและอาหารเสริม
ในปี 1959 Rich Devos และ Jay Van Andel ได้ก่อตั้งบริษัทจัดจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายโดยใช้รูปแบบ MLM หรือการตลาดขายตรงหลายชั้น ซึ่งต่อมาเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน MLM ที่เป็นที่กล่าวขวัญถึงอย่างมาก มียอดขายทั่วโลกกว่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีตัวแทนจำหน่ายอิสระเป็นล้านคนทั่วโลก ปัจจุบัน Amway ถือเป็นบริษัท MLM ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในโลก
ในปี 1963 Mary Kay Ash ซึ่งเป็นนักขายตรงจากบริษัท Stanley Home Product และบริษัทขายตรงอีกหลายบริษัท ได้ก่อตั้งบริษัท Mary Kay ซึ่งเป็นบริษัทของผู้หญิงบริษัทแรกๆของโลก Mary Kay ขายสินค้าเครื่องสำอาง ซึ่งต่อมาให้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ในปี 1975 Federal Trade Commission ของสหรัฐฯ หรือ FTC ซึ่งเป็นหน่วยงานที่คุ้มครองผู้บริโภคและคุ้มครองการแข่งขันอย่างเสรี ได้ดำเนินคดีฟ้องร้องต่อศาล กล่าวหาว่า Amway ประกอบธุรกิจแบบปิระมิดที่ผิดกฎหมาย แต่หลังจากต่อสู้กันในศาลนานถึง 4 ปี ในปี 1979 ศาลสหรัฐฯ ก็ได้ตัดสินให้ Amway ชนะคดี โดยศาลได้ตัดสินให้ แผนการจ่ายค่าตอบแทนของ Amway ซึ่งเป็นการตลาดขายตรงหลายชั้นเป็นแผนการจ่ายค่าตอบแทนที่ถูกกฎหมาย ไม่ได้เป็นแบบปิระมิดซึ่งเป็นแบบที่ผิดกฎหมายสหรัฐฯ คดีดังกล่าวถึงเป็นกรณีตัวอย่างที่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมขายตรงอย่างมากที่สุดในประวัติศาสตร์เลยที่เดียว หาก Amway แพ้คดีนี้ ธุรกิจ MLM ในโลกนี้อาจไม่เกิดและเจริญเติบได้อย่างทุกวันนี้ การชนะคดีของ Amway เป็นการนำทางให้บริษัท MLM ติดตามมาอีกเป็นจำนวนมาก และแพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆทั่วโลก
ปัจจุบันเป็นยุคที่ MLM ได้รับการยอมรับมากขึ้นมีบริษัทจำนวนมากหันมาใช้การตลาดแบบ MLM ซึ่งเป็นช่องทางการจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพมากสามารถขยายตลาดได้อย่างรวดเร็วและมีรายได้ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ดี ปัจจุบันก็มีบริษัทที่นำวิธีการทางการตลาดแบบ MLM ไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง ได้มีการแพร่ระบาดของระบบที่เรียกว่า Pyramids หรือปิระมิด หรือการตลาดลักษณะที่เป็นแบบลูกโซ่ มีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในลักษณะที่หลอกลวงผู้บริโภคโดยการรับสมัครคนเข้ามาสู่ระบบ และเสียเงินเพื่อการสมัคร มากกว่าการขายสินค้า ซึ่งในบางครั้งจะทำให้เป็นระบบที่เรียกว่า การเล่นเงิน Money game ซึ่งเป็นระบบที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค
แนวโน้ม MLM ในอนาคตจะเป็นระบบที่สามารถกระจายสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคอย่างยุติธรรม และมีการพัฒนาไปสู่ระบบ MLM ที่สมบูรณ์ คือมีทั้ง ผู้ผลิต ผู้กระจายสินค้า และผู้บริโภคอยู่ในระบบเดียวกัน สามารถสลับหน้าที่กันได้อย่างสมบูรณ์และยุติธรรม ซึ่งจะได้กล่าวอย่างละเอียดในบทต่อๆไป
ธุรกิจเครือข่าย MLM ย่อมาจากคำว่า Muti-level Marketing ซึ่งอาจใช้เรียกเป็นภาษาไทยว่าธุรกิจขายตรงแบบหลายชั้น หรือธุรกิจเครือข่าย เพื่อให้ง่ายต่อการสื่อสารในที่นี้ขอใช้คำว่า ธุรกิจเครือข่ายหรือ MLM
ธุรกิจเครือข่ายเป็นการทำการตลาดอีกระบบหนึ่ง ในการกระจายสินค้าและบริการจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคโดยตรง
ธุรกิจเครือข่าย เปิดโอกาสให้กับทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร จบการศึกษาระดับใด คุณสามารถเข้าร่วมธุรกิจเครือข่ายได้ นี่เป็นข้อดีที่ผมชอบมากของ ธุรกิจเครือข่ายคับ
ธุรกิจเครือข่าย คือ การทำตลาดสินค้าอุปโภค บริโภค ในการเสนอขายสินค้าแบบบุคคลต่อบุคคล โดยบริษัทผู้ประกอบการจะนำเสนอโอกาสทางธุรกิจให้กับนักขายตรงอิสระ
ในการทำธุรกิจเครือข่าย คุณคือผู้แทนจำหน่าย บริษัทที่คุณทำงานด้วยจะรับผิดชอบกิจกรรมเหล่านั้นแทนคุณอย่างเช่น การลงทุน การบริหาร ระบบการเงิน การบัญชี ระบบข้อมูล การพัฒนาสินค้า การจัดซื้อ การผลิต การบรรจุหีบห่อและการตลาด รวมถึงการออกแบบแผนการตลาด ระบบจัดการด้านค่าตอบแทน การส่งเสริมการขาย การเก็บสต็อกสินค้า การจัดส่งสินค้า ฯลฯ ทั้งหมดที่กล่าวมานี่เป็นหน้าที่ของบริษัทไม่ใช่ของคุณ
ลองนึกภาพดูว่า… หากท่านแนะนำธุรกิจให้กับสมชายที่กรุงเทพฯ และสมชายแนะนำสมศรีที่เชียงใหม่ แล้วสมศรีแนะนำสมนึกที่ขอนแก่น ต่อมาสมนึกแนะนำสมชาติที่สงขลาเข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย โดยการแนะนำบุคคลเพียงคนเดียวเข้าสู่ธุรกิจเครือข่าย ท่านกำลังสร้างปฏิกิริยาลูกโซ่ที่ทำให้เกิดนักธุรกิจอิสระทำงานให้กับท่านใน ทางอ้อมทั่วประเทศไทย!โดยที่การทำงานของบุคคลเหล่านี้แต่ละคนกำลังกำหนดค่า ตอบแทนให้กับท่านเองเป็นรายวัน รายเดือน นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็ก ๆ เรื่องประสิทธิภาพของธุรกิจเครือข่าย
ท่านคิดว่าท่านสามารถแนะนำคนสักคน เข้าร่วมธุรกิจกับท่านในแต่ละเดือนได้มั้ย หากท่านสามารถทำได้ ท่านก็สามารถเป็นบุคคลที่จะประสบความสำเร็จ และมีรายได้ที่คาดไม่ถึงในธุรกิจเครือข่าย
นี่คือสาเหตุที่ทำไมธุรกิจเครือข่ายจึงเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวางทั่วโลก
หลายคนเข้ามาทำธุรกิจเครือข่าย
แต่ไม่รู้อะไรซักอย่าง เกี่ยวกับธุรกิจนี้
ไม่รู้ว่าธุรกิจเครือข่ายคืออะไร?
ที่ทำเพราะเพื่อนชวน หรือทำเพราะอยากมีรายได้
ตามที่เข้าไปฟังมากับบริษัทต่างๆ
แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำงานยังไง?
คนที่เป็นมือใหม่ หรือคนที่ยังไม่มีประสบการณ์
การที่คุณจะเลือกทำ ธุรกิจเครือข่าย MLM ทั้งทีแล้ว
อันดับแรกคุณควรต้อง ศึกษา เรียนรู้ ให้เข้าใจซ่ะก่อนว่า
ธุรกิจเครือข่ายคืออะไร?
ผมขออนุญาตตอบคำถามที่เป็นหนึ่งในคำถามที่ถูกถามมากที่สุด
และอาจเป็นคำถามที่เป็นพื้นฐานที่สุดของบรรดาคำถามทั้งปวง นั่นคือ
“ธุรกิจเครือข่าย หรือ Multi-level Marketing หรือ MLM นั้นคืออะไร”
ธุรกิจเครือข่าย หรือ MLM เป็นระบบธุรกิจการตลาดรูปแบบใหม่ที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถมีส่วนแบ่งค่าการตลาด และค่าลิขสิทธิ์ได้
โดยได้เป็นเจ้าของธุรกิจที่สร้างรายได้จำนวนมาก
โดยไม่ต้องมีความเสี่ยงและไม่ต้องลงทุนเงินเป็นจำนวนมาก
เหมือนกับการทำธุรกิจทั่วๆไป
ไม่ต้องวิจัยสินค้า ไม่ต้องสต็อคสินค้า ไม่ต้องทำบัญชี ไม่ต้องมีโรงงาน
เพียงเริ่มต้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี
และเมื่อเกิดความประทับใจในตัวผลิตภัณฑ์ที่ใช้
ก็ทำการแนะนำบอกต่อให้คนที่รู้จักได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีนั้นเหมือนกับตน
เป็นเกิดการโฆษณาแบบปากต่อปาก เมื่อมีการซื้อผลิตภัณฑ์ใช้
ตามคำบอกเล่าจากผู้แนะนำ
ก็จะทำให้เกิดกระบวนการเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง
โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการโฆษณา
ดารา สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อวิทยุ และพ่อค้าคนกลาง
เหมือนกับการตลาดแบบเดิม
บริษัทจึงจ่ายรายได้ส่วนนึงให้ เป็น ค่าโฆษณา ค่าลิขสิทธ์
ที่คุณเป็นคนทำการตลาดให้บริษัทนั่นเอง
โดยเนื้อแท้แล้ว ธุรกิจเครือข่าย MLM ก็คือ
การทำการตลาดรูปแบบนึงเท่านั้นเอง
มาดูกันให้ลึกอีกนิดครับ ว่ามีวิธีหลักๆในการทำการตลาด
เพื่อเคลื่อนสินค้าและบริการไปสู่ผู้บริโภค หลักๆมีแบบใดบ้าง
1. Retailing หรือ การ ขายปลีก ผมเชื่อว่า ทุกๆ คนคุ้นเคยกับระบบนี้ดีอยู่แล้ว คุณเดินเข้าไปในร้านของชำ ร้านขายยา หรือห้างสรรพสินค้า แล้วซื้อสินค้าบางอย่างออกมา โดยบริษัททำการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ทีวี สื่อทุกชนิด
จ้างดารา-นักร้อง มาเป็นพรีเซนเตอร์
2. Direct Sales (Single-Level Marketing) หรือ การขายตรงคือการเคลื่อนสินค้าไปสู่ผู้บริโภค ผ่านทางเทคนิคของการขาย เช่น การไปบ้านลูกค้าเพื่อนำเสนอสินค้า การโทรศัพท์ไปขายของให้กับลูกค้า การขายตรงบางครั้งถือว่าเป็นการขายที่ไม่มีพ่อค้าคนกลาง (เช่น ร้าน Retail หรือ บริษัทตัวแทนจำหน่าย) ยกตัวอย่าง (แต่ไม่เสมอไป) เช่น การขายประกัน เครื่องครัว สารานุกรม
สาวขายเอว่อน มิสทีน โดยนักขายเป็นคนทำการโฆษณา ประชาสัมพันธ์
หรืออาจมีบริษัททำการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ควบคู่ไปด้วย
3. Multi-Level Marketing (MLM) หรือ การตลาดเครือข่าย คือสิ่งที่เราจะพูดถึงในบทความนี้ เราไม่ควรสับสนระหว่างสองอย่างข้างบน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับการขายตรง คนส่วนใหญ่มักสับสนระหว่างการตลาดเครือข่ายกับการขายตรง โดยผู้บริโภคเอง เป็นคนทำการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ บริษัทจะไม่ทำโฆษณาเอง
สวัสดีคะ ขอแชร์วิสัยทัศน์หน่อยนะคะ เนื่องจาก ดิฉันเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว แต่ธุรกิจดิฉันมีผู้จัดการดูแล เลยว่าง
และกำลังมองหาธุรกิจลงทุนใหม่ มีอยู่วันหนึ่งไปพบ พี่คนหนึ่งที่ร้านหนังสือ เขานิสัยดีมากชวนดิฉันคุย
ดิฉันเลยให้หนังสือที่ดิฉันอ่านจบแล้วแก่เขาเพราะอ่านหนังสือแนวเดียวกัน เขาเลยให้ผลิตภัณฑ์ของธุรกิจ mlm ดิฉันดูและเข้าใจได้ว่าคือธุรกิจเครือข่าย รู้สึกล้มเหลวแน่ถ้าสนใจ ขนาดยังไม่เคยลอง 5555 พี่เขาบอกให้ดิฉันลองไปฟังการอบรมเผื่อ
จะมีแนวคิดในธุรกิจส่วนตัวของตัวเอง
ก็เลยเข้าไปลองเปิดโอกาส สิ่งที่ได้รับคือ ข้อสงสัยมากมาย เกี่ยวกับคนกลุ่มธุรกิจนี้
และจึงกลับมาทำความเข้าใจกับธุรกิจนี้ รู้จักที่มาของธุรกิจ รู้จักความมั่นคงของบริษัทในตลาดหุ้น
และเขียนแผนการตลาดเองโดยอิงกับบริษัท mlm
และดิฉันก็กลับเข้าไปสมัครธุรกิจนี้เองในจำนวนเงิน 2780 บาทเป็นค่าซื้อสินค้าครั้งแรก
เพราะดิฉันรู้ว่าเงินเล็กๆ ก้อนนี้จะสร้างสินทรัพย์ให้กับดิฉันมหาศาล
สงสัยใช่ไหมคะ ทำไมฉันถึงเลือกธุรกิจอันนี้? เพราะมันเหมาะกับดิฉันและหลายคน
ในการสร้างธุรกิจ ให้เป็นสินทรัพย์ โดยไม่ต้องลงทุนด้วยเงิน และจากการวางแผนแทบไม่มีอะไรต้องเสี่ยงเลย
ถ้าดูแนวคิดของ robert kiyosaki จริงๆแล้ว ธุรกิจ mlm มีคนอยู่ในทุกด้านคะ อยู่ที่ว่าคุณเลือกจะอยู่ด้านไหน
แต่ที่ทุกคนล้มเหลวคือ พวกคุณถูกสอนให้ copy เป็นแค่คนขาย เพราะ ครูคนแลกของคุณยังไม่ย้ายมาอยู่ด้านขวาเลย คือ
business owner หรือ investor เลย
แล้วพวกคุณก็ยินดีที่จะ copy คะ โดยไม่มองว่าการลงทุน คือความเสี่ยง ต้องศึกษาก่อน
พวกคุณลงทุนแบบ 50-50 แบบนี้ก็ล้มเหลวออกไปทั้งนั้นแหละคะ
เพราะไม่มีนักธุรกิจที่ไหนที่ลงทุน แบบ 50-50 คะมันเสี่ยงที่จะล้มเหลว
และนักธุรกิจ mlm ก็บอกว่าคุณจะสบายถ้าคุณมีเครือข่ายอยู่ด้านล่าง หรือ ปิรามิด
แล้วคุณก็จะไปนั่งอยู่บนหัวคนอื่น แต่คุณจะไม่ได้นั่งอยู่ในใจคนอื่น
ธุรกิจนี้มันคือ ปิรามิด กลับหัวคะ ทุกคนจะดึงคุณขึ้นมา แต่ ทุกคนที่เข้ามาจะต้อง เข้าใจตรงกันก่อน
หัวใจหลักที่จะประสบความสำเร็จของธุรกิจนี้คืออะไร คือผู้นำ และจะต้องสร้างผู้นำที่เข้มแข็ง
ซึ่งหนัก แต่ก็ไม่ยาก อยู่ที่ใจคะ และที่สำคัญคือ ทุกคนจะต้องสำเร็จ โดยจะต้องมีกฎของทีม
สร้างคนในทีมให้มีจุดยืน ให้เปลี่ยนนิสัย และแสดงศักยภาพของผู้นำออกมา
หากคุณรู้จุดยืนบนธุรกิจนี้ คุณจะมีศักดิ์ศรี คุณจะเป็นนักธุรกิจคนหนึ่งที่ลงทุนกับบริษัทในตลาดหุ้น
และคุณต้องเลือกคนเข้าทีม ไม่ใช่ใครก็ได้คะ ผู้นำไม่ได้เหมาะกับทุกคน
จริงๆผู้นำสร้างได้แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนคะ
หากจะถามว่าถ้าถึงจุดอิ่มตัวของบริษัทจะมีคนเดือดร้อนไหม?
สำหรับทีมดิฉัน ไม่มีคะ ทุกคนจะได้มากเหมือนเดิม แต่ได้ช้านิดหน่อยเท่านั้นเองคะ
เพราะเราจะเป็นรูป สี่เหลี่ยมคะไม่ใช่สามเหลี่ยม
ถ้าคุณคิดว่าคุณทำงานหนักให้เป็นเงินได้ ธุรกิจนี้ก็เหมาะกับคุณ แต่ต้องใช้ความสามารถด้วยคะ
แล้วเงินคุณจะเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินคะ ซึ่งคุณหางานที่จะสำเร็จสูงสุดแบบนี้ไม่ได้ในบริษัททั่วไปคะ
ข้อคิด อีกอย่างนะคะ ลองทบทวนตัวเองดู ตอนนี้คุณแน่ใจหรอว่าไม่ได้อยู่ในเครือข่ายใคร
สำหรับนักธุรกิจ mlm ทุกคนดิฉันยินดีให้ความรู้เพื่อให้คุณประสบความสำเร็จคะ จากใจ
สอบถามเข้ามาได้เลยนะคะ แต่คุณจะต้องเข้าใจคำว่าธุรกิจก่อนนะคะ….ธุรกิจไม่ใช่เงินเดือน
นักธุรกิจต้องการสร้างทรัพย์สินไม่ใช่เงิน เพราะเงินเก็บเยอะไม่ต่อเงินจะเสียภาษีเยอะคะ
แต่ถ้าหากใครจะขอเข้าร่วมธุรกิจ mlm กับดิฉัน คงจะไม่ได้ตอนนี้คะ คุณต้องมาฟังแนวทางทั้งหมดของทีมก่อน
แล้วคุณก็ค่อยกลับไปคิดทบทวนว่าคุณเหมาะหรือไม่แต่คุณจะได้ประโยชน์จากการฟังแน่นอนคะ เพราะหากคุณเป็นผู้นำไม่ได้
มันจะเป็นภาระทีมคะ เพราะสิ่งที่ทีมต้องทำคือ ทำให้คุณสำเร็จ จนกว่าคุณจะมีสินทรัพย์…..
ถ้าสนใจฟังรายละเอียด คงไม่ไป office mlm คะ เพราะคุณจะอึดอัดจากนักขาย….เพราะคุณคือนักธุรกิจ
ธุรกิจคุณ คุณต้องพร้อมที่สุด เพราะคุณจะต้องก้าวมาเป็นผู้นำคนอื่น คุณต้องรู้จักตัวคุณก่อน ตัดสินใจทุกอย่าง
หากเราเรียก “ความผิดพลาด” ว่า “ล้มเหลว” สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น คือ “ความเสียใจ”
แต่หากเรียก “ความผิดพลาด” ว่า “บทเรียน” สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น คือ “การเติบโต”
ฉันต้องการพบคนที่ล้มเหลวและมีความฝันยิ่งใหญ่คะ วิสัยทัศน์และความศรัทธาจะต้องเดินไปพร้อมกัน
มีคนจำนวนมากที่ไม่มีความฝันอะไรเลย….. ธุรกิจก็คือเกม จงสนุกกับเกม รู้จักมัน และต้องรู้จักตัวเองด้วย
แล้วคุณจะชนะเกมคะ
รู้เขา รู้เรา รบ100 ครั้ง ชนะ 100 ครั้ง
สำหรับนักธุรกิจเครือข่ายส่วนใหญ่ กลัวจะพบ คนล้มเหลวในธุรกิจเครือข่าย และ เลือกที่จะพบคู่ธุรกิจใหม่ ซึ่งดิฉันมองว่ายาก
เพราะมันจะต้อง ดึงก้อนอิฐจากกำแพงเขาทีละก้อน
สำหรับดิฉันมองว่าคนที่ล้มเหลว เหมาะกับธุรกิจนี้เพราะเขาพร้อมที่จะสำเร็จอยู่แล้ว แค่คุณมีค้อนทุบกำแพงที่เขากั้น พวกคุณ
ใช้เวลาทุบกำแพงเร็วกว่าตั้งเยอะ
แล้วสิ่งที่พวกคุณไม่มีสำหรับทุบกำแพงคืออะไร ?
ปัจจุบันนี้เราจะได้ยินคำว่าธุรกิจเครือข่ายกันมากขึ้น ธุรกิจเีครือข่ายคืออะไร ดิฉันจะมาบอกเล่าให้ฟังค่ะ
ธุรกิจเครือข่าย (Network Marketing) อีกความหมายหนึ่งก็คือ ธุรกิจขายตรง หรือการตลาดขายตรง (Direct Sale Marketing) ซึ่งแบ่งออกเป็นการตลาดขายตรงแบบชั้นเดียว (Single Marketing) และการตลาดขายตรงแบบหลายชั้น (Multi-level Marketing) ดังนั้นธุรกิจเครือข่าย หรือ ธุรกิจขายตรง ที่กล่าวถึงกันในขณะนี้ จึงถึงหมายธุรกิจเครือข่ายแบบหลายชั้น (MLM)
ธุรกิจเครือข่ายแบบหลายชั้นหรือเรียกสั้น ๆ ว่าธุรกิจเครือข่าย (MLM) คือรูปแบบทางการตลาดช่องทางหนึ่ง ที่ต้องการนำสินค้าจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภค ช่องทางที่ว่านี้ใช้บุคคลเป็นคนโฆษณาสินค้า บอกเล่าเรื่องราวของสินค้า นำเสนอสินค้า รวมทั้งชักชวนคนมาทำธุรกิจได้ด้วย มองภาพง่าย ๆ ดังนี้
ผู้ผลิต จะผลิตสินค้าที่ดี (สินค้าที่นำมาขายในช่องทางธุรกิจเครือข่าย มีทั้งเจ้าของธุรกิจเครือข่ายผลิตเอง และ นำสินค้ามาจากผู้ผลิตสินค้ารายอื่น ๆ เข้ามาจำหน่าย)
ผู้จำหน่าย หรือ ตัวแทนธุรกิจ คือบุคคลทั่ว ๆ ไปที่สนใจจะมาร่วมธุรกิจ ซึ่งทำหน้าที่จำหน่ายสินค้า และชวนคนเข้ามาร่วมธุรกิจ ยิ่งจำหน่ายสินค้ามากเท่าไหร่ หรือสามารถชวนคนเข้ามาร่วมธุรกิจได้ การจ่ายผลตอบแทนก็จะได้มากตามลำดับขั้นของบริษัทเครือข่ายนั้น ๆ
ผู้บริโภค คือปลายทางสุดท้ายที่ใช้สินค้า รวมทั้งผู้จำหน่ายเองก็ต้องเป็นผู้บริโภคด้วย
ด้วยหลักการของธุรกิจเครือข่ายดังที่กล่าวมา จึงทำให้คนสนใจเข้ามาร่วมธุรกิจเครือข่ายจำนวนมาก เพราะเปิดโอกาสให้คนที่มีทุนน้อย ไม่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจ และยังเป็นธุรกิจที่ไม่มีความเสี่ยง ก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจที่สร้างรายได้จำนวนมาก เพียงเริ่มต้นจากการใช้สินค้าที่ดี และเมื่อเกิดความประทับใจในตัวสินค้าที่ใช้ ก็ทำการแนะนำบอกต่อให้คนที่รู้จักได้ใช้สินค้าที่ดีนั้นเหมือนกับตน เป็นการโฆษณาแบบปากต่อปาก เมื่อมีการซื้อสินค้าใช้ตามคำบอกเล่าจากผู้แนะนำ ก็จะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านการโฆษณาและพ่อค้าคนกลาง เหมือนกับการตลาดทั่วไป
เมื่อเกิดการเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่ ผู้บริโภคโดยตรง ทำให้บริษัทเจ้าของสินค้าสามารถประหยัดงบประมาณที่เป็นค่าโฆษณาได้มาก ซึ่งบริษัทจะนำงบค่าโฆษณาที่ประหยัดได้ไปใช้ทำการวิจัย พัฒนาสินค้าใหม่ๆให้ดีขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดียิ่งขึ้นอีก ส่วนผลกำไรของพ่อค้าคนกลางที่ถูกตัดออกมานั้น บริษัทจะนำเงินส่วนนี้มาจัดสรรให้กับผู้บริโภคที่ใช้ดีแล้วทำการบอกต่อกับผู้อื่นเป็นลำดับชั้นตามส่วนที่บริษัทกำหนดไว้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในระบบการตลาดแบบเครือข่ายนี้ จะทำให้ผู้บริโภคสามารถมีส่วนแบ่งของรายได้ ของมูลค่าสินค้า จากระบบการกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภค นอกเหนือจากการที่จะต้องเป็นผู้จ่ายเงินซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียวเหมือนในระบบธุรกิจทั่วไป
ธุรกิจเครือข่าย (Network Marketing หรือ MLM) ที่ใช้วิธีการแนะนำบอกต่อนี้ จะมีลักษณะที่พิเศษกว่าการตลาดแบบทั่ว ๆ ไป คือ ความสามารถในการขยายตัวของจำนวนผู้บริโภค ที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นได้แบบไม่จำกัดจำนวน โดยอาศัยเพียงการแนะนำสินค้าหรือชักชวน จากหนึ่งคนไปทำการแนะนำกับคนอีกหลาย ๆ คน และอีกหลาย ๆ คน ก็แนะนำต่อ ๆ กันไป ก็จะเกิดการขยายตัวของจำนวนผู้บริโภค และคนทำธุรกิจไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด นั่นหมายถึงว่าคนที่ทำธุรกิจเครือข่ายจะประสบความสำเร็จและสร้างรายได้มากขึ้น จึงมีโอกาสเปลี่ยนแปลงชีวิต และนำไปสู่การมีอิสรภาพทางการเงินและเวลาได้ด้วย